งาน Start it Up, Power it Up ครั้งที่ 2 #startitupTH

จัดเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งที่ 1 ผมก็ไปมาเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้เอากลับมาเขียน แหะๆ ตามอ่านได้ที่บล็อกของชาวบ้านแทนนะครับ

• Start it Up, Power it Up #1 "Startup ไทย ก้าวไกลระดับโลก" โดยคุณ @ojazzy
• [งาน Event] ไปงาน Start it up , Power it up ! ทาง Thumbsup ep1 โดยคุณ @oxygenyoyo

ครั้งนี้จัดที่ Microsoft Auditorium ที่ All Season Places ตึก CRC ชั้น 38 เห็นบอกว่ารองรับคนได้เยอะขึ้น งานใหญ่ขึ้น ตอนแรกก็กังวลว่าความอบอุ่นจะลดลงไปหรือเปล่า แต่ไม่ครับ งานใหญ่จริง คนเยอะจริง แถมยังอบอุ่นอีกด้วย สถานที่ลงตัวเลยทีเดียว เหมาะสมกับจำนวนคนที่มา (คาดว่าน่าจะเกิน 200 คน)

ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะเสียงชัดเตอร์ของมือถือผมดังมาก กลัวจะไปรบกวนชาวบ้าน กราบขออภัยเจ้าของรูปทุกคนนะครับที่ไม่ได้แจ้งบอกว่าจะเอารูปมาลง -/\-

Bento Web และ Builk ก็ไม่พลาดงานนี้เช่นกัน ^^

รูปของคุณ @mimee

อันนี้ป้ายชื่อผม ยืนยันว่าไปมาจริงๆ นะจ๊ะ 😛

ช่วงแรก เสวนาเรื่อง "ติดอาวุธเตรียมความพร้อมเพิ่มโอกาส Startup กับ Digital Age ในยุค AEC" โดย ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ - ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟแวร์ประเทศไทย (Software Park) ดำเนินรายการโดยคุณ @chyutopia และคุณ @mimee

• ผลกระทบทางด้าน IT นั้นจะมีมากขึ้นแน่นอน ตลาดก็จะใหญ่ขึ้น
• Trend ทางด้าน IT ที่จะมาแล้ว คือ CSMI (Cloud, Social, Mobile, Intelligent device)
• จะทำอะไร ให้ Think globally ไว้ อย่าไปมองว่าเค้าเป็นคู่แข่ง ให้มองเค้าเป็น Partnership ดีกว่า
• การมาของ Mobile ทำให้พฤติกรรมของคนเราเปลี่ยนไป
• Personal cloud ช่วงนี้ก็ In trend เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น Dropbox เราสามารถมีหลาย Device ได้ ไม่ว่าจะเป็นมือถื หรือโน้ตบุค เราก็สามารถทำงานได้เหมือนกัน เพราะมี Data synchronization
• เปรียบเทียบเมื่อก่อนจะทำ Web App จะต้องเตรียมนู่นเตรียมนี่ ซื้อเครื่องเซิฟเวอร์ ติดตั้งโปรแกรม แต่สมัยนี้เราสามารถใช้ Cloud ได้ ขั้นตอนที่เคยทำมาจะลดเหลือแค่การคลิกเม้าส์ ซึ่งเป็นผลทำให้เราสามารถมุ่งประเด็นไปที่การพัฒนา Web App อย่างเดียว

ช่วงต่อไป เสวนาเรื่อง "เรียนรู้เรื่องเงินทุน (funding) และการพิจารณาการลงทุนของ VC" โดย คุณธนพงษ์ ณ ระนอง - VP Business Development INTOUCH คุณสุวิดา กี่งเมืองเก่า - Managing Director Expara IDM Ventures คุณใจ โกวินดานี - Sparx Ventures คุณกฤษณ์ ณ ลำเลียง - Angel Investor ดำเนินรายการโดยคุณ @chyutopia และคุณ @mimee

รูปของคุณ @tannysoft

• Angel Investor จะมีข้อดีคือ ให้เงินเร็ว ถ้าคุยกันแล้วโอเค วันรุ่งขึ้นก็อาจจะให้เงินเลย แต่ข้อเสียก็อาจจะเป็น เงินที่ให้อาจจะไม่มากเท่าของ Venture Capital (VC) ส่วน VC จะสลับกัน ข้อดีคือมีเงินลงทุนที่เยอะกว่า ส่วนข้อเสียก็น่าจะเป็นขั้นตอนการให้เงินที่อาจจะช้า บางที่อาจจะใช้เวลาถึง 1 ปี
• สิ่งที่ VC จะดูหลักๆ ว่าจะลงทุนใน Startup นั้นๆ ก็คือ คุณสามารถแก้ปัญหาคนใช้งานได้ตรงไหน สามารถตอบโจทย์ How do you solve customers' pain? ได้หรือเปล่า คุณสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนจำนวนมากได้ไหม
• การที่จะดูว่าธุรกิจที่ Scalable ได้หรือไม่ จะดูว่าธุรกิจนั้นจะสามารถไป Global ได้ไหม มีทีมที่ดีแค่ไหน Characteristic ของทีมเป็นอย่างไร มี Business plan/model ที่ดี และต่อยอดได้หรือเปล่า
• สิ่งที่ดูอีกก็ เช่น Product คืออะไร กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือใคร
• การตลาดนั้นควรจะทำให้ Local แข็งแรงก่อน ใช้ Local เป็น Testbed แล้วเราจะออกไป Global ได้ง่ายขึ้น แต่! ก็ต้องระลึกอยู่เสมอตอนที่เราเน้น Local อยู่ว่า เราต้องไม่หยุดแค่ Local นะ เราต้องออกไป Global ให้ได้ เป้าหมายของเราคือ Global
• ข้อแนะนำอีกอย่างคือ ให้มอง Scalable ให้เป็น Defense mechanism เช่น ถ้ามีเจ้าใหญ่ๆ เช่น Google มาทำเหมือนเรา เรามีวิธีจัดการแก้ปัญหานี้อย่างไร ถ้าเราไม่ Scalable เราก็จบ
• ส่วน Exit strategy ก็แล้วแต่ แต่เป้าหมายหลักที่หวังไว้ คือเอาเข้า IPO
• First impression เป็นสิ่งสำคัญในการนำเสนองานให้กับ VC ดู
• การดู VC/Angel ก็ควรจะดูด้วยว่าธุรกิจของเค้าเป็นทางด้านไหน ของเค้ากับของเราควรจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เราสามารถช่วยเค้าได้ และเค้าสามารถช่วยเราได้ สถานการณ์ WIN-WIN 😀
• แต่ละประเทศมีพฤติกรรมการใช้ App ที่แตกต่างกั ดังนั้นเราควรจะคิดวิธีขยาย Service ของเราให้ตรงและครอบคลุมกับความต้องการของผู้ใช้ในประเทศต่างๆ
• เรื่องคนก็ต้องระวังให้มาก การสร้างทีมนั้นสำคัญมากสำหรับ Startup คนแต่ละคนจะต้องเก่งอยู่แล้ว อย่าไปรอให้คนนั้นเก่งขึ้น เนื่องจาก startup นั้นทำจริงนั้นทำได้ยาก เราจึงจำเป็นที่จะต้องได้คนที่ทำงานเป็นจริงๆ มาร่วมงาน คำแนะนำคือ ให้เราหาคนไปเรื่องๆ ทิ้งข้อมูลจ้างคนไว้ที่ jobsdb ไปเลย แล้วรอคนสมัคร

ช่วงที่ 3 "Cloud ช่วยให้ Startup ประสบความสำเร็จได้อย่างไร" โดย คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ (พี่หมู) Managing Director Ookbee

รูปของทีมงาน @thumbsupTH

• Ookbee ใช้ Cloud มาตั้งแต่วันแรก ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ เลย แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท
• สาเหตุอย่างหนึ่งที่ใช้ Cloud ก็เนื่องจากว่า Cloud มี Content Delivery and Media Distribution พี่เค้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า มีหนังสือขนาด 100 MB และมีจำนวนคนที่โหลดพร้อมๆ กันสักประมาณ 1 หมื่นคน ถ้าไม่มีการจัดสรรทรัพยากรที่ดีพอ ระบบนี้ล่มแน่นอน ดังนั้นการใช้ Cloud จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก
• มีการเปรียบเทียบการใช้ทรัพยากรของเครื่องให้ดูว่าเมื่อก่อนเราจะต้องซื้อเครื่องมาติดตั้งเอง และเราอาจจะต้องซื้อเครื่องเพิ่ม เพื่อเอามารองรับการใช้งาน แต่ว่าอาจจะมีบางเวลาที่เครื่องเหล่านั้นไม่ได้ใช้งานเลย ทำให้เราใช้ทรัพยากรเหล่านี้ได้ไม่คุ้มค่า และอาจจะมีบางเวลา อาจจะเป็นช่วงที่คนเข้าเว็บเรามากผิดปกติ แบบนี้ถ้าเรามีเครื่องเซิฟเวอร์ไม่พอ ระบบก็ล่มได้
• ตอนนี้เนื่องจากเราใช้ Cloud แล้ว การจัดสรรทรัพยากรต่างๆ การเพิ่มเครื่อง การลดเครื่อง ทำได้โดยง่ายเพียงแค่คลิ๊กเม้าส์ หรือเราจะสั่งให้ตัวระบบเพิ่มหรือลดเครื่องเองก็ได้เช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า การจ่ายเงินก็จ่ายตามที่เราใช้งานจริง
• ตอนท้ายๆ ช่วง พี่เค้าพูดออกมาประโยคหนึ่ง ซึ่งผมชอบมากๆ "Innovation นั้น เราควรจะทำให้ต้นทุนต่ำเข้าไว้ เมื่อต้นทุนต่ำแล้ว Innovation ก็จะเกิดขึ้น" จริงแท้และแน่นอนครับ เมื่อเราอยากลองสิ่งใหม่ๆ และถ้าสิ่งนั้นไม่เวิร์คจริง เราสามารถโยนทิ้งไปได้เลย ความกังวลเรื่องเงินจะน้อยลงไปเยอะ

ตอนพักเบรกได้มีโอกาสถามพี่หมูถึงข้อดีของ Windows Azure (พี่เค้าใช้อยู่ควบไปกับ Amazon) ก็จะประมาณว่า มีราคาที่ถูกกว่า และมีการประมวลผลที่เร็วกว่า เมื่อเทียบกับของ Amazon แล้วก็พี่เค้าใช้ Tools ต่างๆ ที่เป็นของ Microsoft ด้วย ดังนั้นการที่ใช้ WIndows Azure จึงไม่ต้องไปกังวลกับเรื่อง License เลย โอ.. แจ่มจริง ตอนนี้ Windows Azure เปิดให้ทดลองใช้ฟรี 90 วันนะครับ ใครสนใจก็ไปสมัครทดลองใช้ได้ (ต้องใส่เลขบัตรเครดิต)

หลังพักเบรกก็เป็นช่วงสุดท้าย ช่วงเวลาของ Startup Pitches

มีมา Pitch ด้วยกัน 10 ทีมที่จะออกมานำเสนอผลงานของบริษัทตัวเองเพื่อดึงดูด VC กับ Angel เข้ามาลงทุน และเนื่องจาก AEC ใกล้เข้ามาแล้ว ทีมงานจึงขอให้แต่ละทีมมาพูด มาตอบคำถาม เป็นภาษาอังกฤษ คณะกรรมการตัดสินได้แก่

• ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ - ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟแวร์ประเทศไทย (Software Park)
• คุณธนพงษ์ ณ ระนอง - VP Business Development INTOUCH
• คุณสุวิดา กี่งเมืองเก่า - Managing Director Expara IDM Ventures
• คุณใจ โกวินดานี - Sparx Ventures
• ตัวแทนจากบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)

ไม่ขอเผยแพร่งานของแต่ละทีมนะครับ เพราะงานบางงานอาจจะกำลังพัฒนาและอาจกำลังจะเปิดตัว 🙂 ขอเขียนแค่สิ่งที่ VC/Angel อยากเห็นจากการนำเสนอไว้แทน ตามนี้ครับ

• ปัญหาที่จะแก้ไข
• ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
• ข้อแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว และการวิเคราะห์คู่แข่ง
• Business model
• ทีมมีใครบ้าง ใครทำอะไร

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องตีให้แตกจริงๆ ทุกอย่างควรจะต้องชัดเจน อีกทั้งเวลาที่จำกัด ดังนั้นเราควรจะต้องเน้นไปที่ Key point กรรมการบางท่านได้บอกอีกด้วยว่า วันหนึ่งๆ อาจจะต้องดูการนำเสนอจาก 10-20 บริษัท ดังนั้นเราควรจะทำให้กระชับไว้เป็นดีที่สุด ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างมากนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอที่ไหน หรือว่าเรื่องไหนก็ตาม ส่วนนี้จะแสดงถึงความเป็น Professional ของเราด้วย 🙂

สำหรับผู้ชนะในการ Pitch ครั้งนี้ได้แก่

1. Freehab
2. SocialEnable
3. Traffic and incident reporting system

ยินดีกับทั้ง 3 ทีมด้วยครับ ผมได้เห็นถึงความตั้งใจและแนวคิดของทุกทีม ได้ฟังคำถามเชิงสร้างสรรค์ของกรรมการทุกท่าน บอกได้เลยว่าสุดยอด.. Orz

โอเค เนื้อหาหลักๆ ที่ผมได้มาจากงานก็มีเท่านี้ จริงๆ ยังมีอีกนะ แต่ยังนึกไม่ออก แหะๆแต่ถ้าผมมีอะไรอัพเดทจะมาใส่เพิ่มครับ แล้วก็อย่าลืมไปอ่านจากบล็อกของท่านอื่นๆ ด้วยนะ 😉

ปิดท้ายบล็อกด้วยรูป (ของคนอื่น) บรรยากาศในห้อง Auditorium

รูปของคุณ @jakrapong

มากันเต็มห้องเลยครับ ยินดีกับ Thumbsup Thailand ด้วยอีกครั้งครับ สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ -/\- แล้วก็ต้นปีหน้าจะเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ห้ามพลาด!

เราขอสัญญาว่าจะช่วยผลักดันสังคม Startup ไทยให้เติบโตต่อไป แล้วพบกันใหม่ในงาน Start it Up, Power it Up ครั้งที่ 3 ในต้นปีหน้าจ้า #startitupTH

— thumbsup (@thumbsupTH) October 27, 2012

สุดท้ายถ้าใครมีข้อเสนอแนะอะไรก็จัดมาเลยนะครับ -/\-